วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2556


       รู้หรือไม่ว่าทรงผมที่คุณตัดนั้นก็สามารถ ทำนาย ทายนิสัย คุณได้ อยากรู้ว่าตัวเองหรือเพื่อนๆ มีนิสัยแบบไหน ลองอ่านบทความนี้ดูนะคะ  
  ผมยาวและตรง       เป็นทรงยอด ฮิตของผู้หญิงทุกยุคทุกวัย ถ้าคุณชอบไว้ผมยาวตรงเป็นชีวิตจิตใจ แปลว่าคุณเป็นนักปฏิบัติค่ะ เป็นคนมีความพยายามและอดทนสูง ชอบท่องเที่ยวเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ซื่อสัตย์ และจริงใจมาก   
ผมยาวดัดเป็นลอน       สาวคนไหนชอบดัดผม เป็นลอนสไตล์เซ็กซี่ บ่งบอกค่ะว่า คุณเป็นคนช่างฝัน โรแมนติก อารมณ์ดี มีมนุษยสัมพันธ์ดีมาก เป็นมิตรกับทุกคน ไว้เนื้อเชื่อใจคนง่าย และเก็บความลับไม่เก่ง   
ผมยาวประบ่า       คุณเป็นคนนิสัย กระตือรือร้น เปิดเผย และแสดงออกตรงไปตรงมา ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม มีความอดทนสูง และจริงใจ คิดอะไรอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง   
ผมบ๊อบสั้น       เป็นทรงฮิตของเวิร์กกิ้ง วีเมนตัวจริงเลยค่ะ! คุณบ้างานสุดๆ ชอบช่วยเหลือบริการคนอื่น จิตใจดี รักความยุติธรรม ชอบของสวยๆ งามๆ   
ผมซอยสั้น       น่าปรบมือให้จริงๆ ค่ะ! คุณเป็นคนที่ติดดินมาก ชอบทำอะไรสบายๆ ใส่ใจ เรื่องสุขภาพร่างกายมากกว่า ความสวยงาม เป็นคนคล่องแคล่ว บางครั้งออกจะใจร้อน มีโลกส่วนตัวสูง ลึกๆ เป็นคนใจอ่อน ขี้สงสาร ที่มา... Narak.com

       อยากแต่งหน้าให้คนทักว่า "แหม วันนี้หน้าเด้งจัง" แต่ไม่ว่าจะลองแต่งกี่ทีก็ยังไปไม่ถึงจุดนั้นเลย บางทีคุณอาจจะพลาดมาตั้งแต่ขั้นตอนพื้นฐานของการแต่งหน้าเลยก็ได้นะคะ ถ้าอย่างนั้นลองมาเช็คกันดูสิว่า ขั้นตอนพื้นฐานสุดเบสิกที่ควรทำเพื่อการแต่งหน้าที่เนียนกริบแบบสวยใสเป็นธรรมชาตินั้น มีอะไรบ้าง     
สครับผิวเพื่อผิวเรียบเนียน       ผิวสวย ๆ ไม่ได้มาจากขั้นตอนการทาครีมหรือลงเครื่องสำอางเท่านั้น แต่ยังต้องมาจากการเตรียมผิวให้เรียบเนียนด้วยการสครับเสียตั้งแต่เนิ่น ๆ ก่อนการแต่งหน้า ซึ่งนั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมสาว ๆ จึงควรสครับผิวเป็นประจำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ยังไงล่ะคะ ผิวเรียบ ๆ ไม่มีเซลล์ผิวหนังที่แห้งหรือลอกเป็นขุยเล็ก ๆ จะทำให้คุณแต่งหน้าได้สวย ลงรองพื้นก็เนียน เบลนด์สีเครื่องสำอางก็ทำได้ไม่สะดุดมือ และไม่จับตัวเป็นปื้นด้วย    
  ใช้มอยส์เจอไรเซอร์ก่อนการแต่งหน้าทุกครั้ง       สาว ๆ หลายคนมักข้ามขั้นตอนนี้ไป เพราะเห็นว่าหน้าก็ไม่ได้มีปัญหาผิวแห้งอะไรมากมาย ประหยัดเวลาดีด้วย และกลัวทาลงไปแล้วหน้าจะยิ่งมัน เดี๋ยวแต่งหน้าไม่ติด แต่ความจริงผิวที่ได้รับการบำรุงให้ชุ่มชื้นแล้วต่างหากที่จะทำให้เครื่องสำอางเกาะผิวได้ดีกว่า และหากรู้สึกว่าหน้ามันระหว่างวันคุณก็สามารถซับมันและเติมแป้งได้ ดีกว่าปล่อยให้ผิวขาดการบำรุงเป็นประจำ ซึ่งจะทำให้ผิวเหี่ยวถาวรได้ค่ะ    
  Less is more แต่งน้อยได้มาก        ถ้ารักจะแต่งหน้าให้ออกมาดูเป็นธรรมชาติ ให้ยึดสีเฉดนู้ดเอาไว้เป็นหลัก ไม่ปัดแก้มจัดไป ไม่ทาปากจัดไป ไม่แต่งตาหนักไป ยึดหลัก Less is more เข้าไว้ แต่งน้อย ๆ ก็ทำให้ดูเนียนใสเป็นธรรมชาติได้จริง ๆ ที่มา ... กระปุกดอทคอม

       วิธีหนึ่งที่จะทำให้ดวงตาดูโตและสวยชวนมองก็คือการปัดขนตา ไม่ใช่เพียงแค่ปัดแต่ขนตาบนเท่านั้น แต่ยังต้องปัดขนตาล่างด้วย ยิ่งปัดให้สวยหนาเป็นแพเหมือนกับขนตาบนได้ก็ยิ่งดี แต่การใช้แปรงที่มาพร้อมมาสคาร่ามาปัดก็ค่อนข้างยาก เพราะแปรงนั้นใหญ่เกินไปสำหรับขนตาล่าง และปัดไล่จากโคนขนตาได้ยากด้วย ถ้าอย่างนั้นลองใช้อุปกรณ์แต่งหน้าใกล้ตัวอย่าง "พู่กันทาปาก" มาเป็นตัวช่วยกันดีกว่าค่ะ       เริ่มต้นจากจุ่มมาสคาร่ามาป้ายที่หลังมือเล็กน้อย จากนั้นใช้พู่กันทาปากแตะมาสคาร่าแล้วนำไปปัดขนตาล่าง ด้วยวิธีนี้ทำให้คุณสามารถปัดขนตาได้แทบทีละเส้น แถมยังปัดขึ้นมาจากโคนขนตาได้อย่างง่ายดาย ทำให้ขอบตาดูหนาและชัดขึ้นกว่าปกติ จนไม่ต้องอาศัยอายไลน์เนอร์สำหรับขอบตาล่างเลยล่ะ        เมื่อใช้พู่กันเสร็จแล้วอย่าล้างแปรงให้สะอาดด้วยนะคะ เพื่อจะได้พร้อมใช้ครั้งต่อไป ไม่ว่าจะในพู่กันทาปากหรือว่าเอามาปัดขนตาก็เถอะ ที่มา...กระปุกดอทคอม

      Q: ดิฉันเป็นคนที่มีปัญหาเรื่องการทาลิปสติกมากค่ะ เห็นสาว ๆ หลายคนทาปากสีสด ๆ ก็อยากทาบ้าง แต่เป็นคนที่มีริมฝีปากไม่สวย ไม่ได้รูป จึงทำให้ทาลิปสติกออกมาแล้วดูไม่ค่อยสวย คุณหมอพอจะมีวิธีแก้ไขไหมคะ
       A: เรื่องของขนาดริมฝีปากที่ไม่ได้รูปสวยงามสามารถแก้ไขได้ด้วยการสักปาก ซึ่งประโยชน์ของการสักริมฝีปากก็สามารถช่วยแก้ไขปัญหาได้หลายอย่าง เช่น การสักเพื่อแก้ไขสีของริมฝีปาก ปากดำคล้ำ ปากซีด สีไม่สม่ำเสมอ , การสักแก้ไขขอบปากที่ไม่ได้รูป ไม่สมมาตร ขอบปากไม่คมชัด , การสักเพื่อปกปิดแผลเป็นจากอุบัติเหตุหรือการผ่าตัด เช่น ผู้ป่วยปากแหว่ง และการสักเพื่อช่วยผู้ที่มีอุปสรรคในการเขียนขอบปากและทาปาก เช่น มือสั่น สายตาไม่ดี        ซึ่งการสักปากจุดประสงค์หลักคือการแก้เรื่องของสีปากบวกการเน้นขอบปากให้คมชัด ไม่ได้มีผลกับขนาดของปากโดยตรง แต่การสักสีเข้มบวกการเน้นขอบปากก็จะทำให้ปากดูใหญ่ขึ้นได้ ส่วนการสักสีอ่อนและไม่เน้นขอบปาก ก็จะช่วยทำให้ปากดูเล็กลงได้ ผลของการสักปาก สีที่สักจะอยู่ได้ 3-5 ปี โดยเฉลี่ย ขึ้นกับสภาพผิวของคนไข้แต่ละคน ที่มา...APPEAL

      เทคนิกการแต่งหน้าอาจจะช่วยได้มากทีเดียวยิ่งใครที่กังวลว่าใบหน้าจะดูบานใหญ่เวลาถ่ายรูป       การคอนทัวร์เมกอัพเพื่อสร้างมิติให้ใบหน้า จะเป็นทางออกง่ายๆ ให้คุณได้รูปที่สวย หรือแม้แต่จะพบเจอกันตัวเป็นๆ ก็ดูดีมีมิติ เหมือนหน้าเรียวเล็กลงไปจนเพื่อนๆต้องทักกันเลยทีเดียว อย่างไรก็ดีการคอนทัวร์ที่ต้องอาศัย ไฮไลท์ เฉดดิ้ง และบลัชออน ให้เพอร์เฟ็กต์ต้องสัมพันธ์กับรูปหน้าของคุณด้วย ตรงนี้เรามีคำแนะนำเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้คุณสามารถสร้างมิติให้ใบหน้าได้อย่างเหมาะสมที่สุด     LINEAMENT       สาวรูปหน้ากลม คือรูปหน้าที่มีสัดส่วนความกว้างเท่าๆ หรือใกล้เคียงกันกับความยาวหน้า โดยส่วนที่กว้างที่สุด คือช่วงบริเวณแก้ม  
   CONTOUR TECHNIQUE       ใช้เฉดดิ้ง หรือแป้งสีเข้ม ที่มีเนื้อแมตต์ปัดเข้ามาจากช่วงกรามใต้หู เป็นแนวเฉียงลงเข้ามายังบริเวณคาง เป็นแนวสามเหลี่ยม โดยให้อยู่ใต้ช่วงโหนกแก้ม จากนั้นใช้แปรงขนาดใหญ่เบลนด์สีให้กลมกลืนโดยการปัดลงจากแนวใต้โหนกแก้ม เพื่อให้ใบหน้าดูเรียวลงอย่างมีมิติ จากนั้นปัดบลัชออนจากแนวโหนกแก้มที่ตรงกับลูกตาดำ วนๆ แล้วเกลี่ยขึ้นไปยังขมับ ทั้งนี้สามารถใช้ไฮไลท์แต้มบริเวณจมูก หน้าผากและใต้คาง เพื่อให้ใบหน้าดูมีมิติมากขึ้น แต่ถ้าเป็นคนที่มีรูปหน้ากลมอย่างเห็นได้ชัด ควรหลีกเลี่ยงการใช้ไฮไลท์ เพราะจะทำให้ใบหน้าดูบวมได้   
  NOTE        สาวหน้ากลมควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีประกายหรือชิมเมอร์ทั้งเฉดดิ้ง บรอนเซอร์ หรือบลัชออนเพราะจะทำให้ใบหน้าดู บวมกลมได้ง่ายขึ้น ที่มา...นิตยสารผู้หญิง

       ร่างกายของคนเรามีน้ำเป็นส่วนประกอบถึง 70% เป็นสิ่งที่เราเรียนรู้กันมาตั้งแต่ประถม หากร่างกายขาดน้ำ จะส่งผลกระทบกับการทำงานของระบบต่าง ๆ อีกทั้งยังทำให้ผิวพรรณแห้ง หยาบกร้านและยังเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าผิวเราขาดน้ำ เรามีวิธีเช็คสภาพผิวหน้าง่าย ๆ มาฝากกันค่ะ    
  1. ใช้ปลายนิ้วกดหรือยกผิวหนังบริเวณโหนกแก้มเบา ๆ คอยสังเกตว่าเกิดรอยแห้งบนผิวที่กดลงไปหรือไม่ ซึ่งรอยแห้งเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงสภาพผิวหน้าของเราว่าขาดน้ำมากน้อยแค่ไหน    
  2. ความมันที่ปรากฏบนผิวหน้า เราไม่สามารถใช้เพียงน้ำมันเป็นตัวตัดสินสภาพของผิวหน้าได้ คนที่หน้ามันเงา จนแทบจะทอดไข่ได้ในแต่ละวัน ลองสังเกตดูว่า ผิวหน้าที่มันนี้แลดูแห้งกร้าน ไม่เรียบ มีริ้วรอยหรือไม่ เพราะความมันส่วนเกินบนใบหน้าอาจจะเกิดจากสภาพผิวที่ขาดน้ำ จนผิวหน้าต้องผลิตน้ำมันออกมาเพื่อหล่อเลี้ยงผิวแทนก็ได้นะ      
 สำหรับการดูแลผิวที่ขาดน้ำ ก็ใช้หลักการไม่ยาก ในเมื่อขาด เราก็จัดการเติมน้ำส่วนที่ขาดให้กับผิวเราเสียสิคะ แน่นอนว่าเรามีวิธีการเติมน้ำให้ผิวมาฝากกัน     
  1. หลักการพื้นฐานในการพื้นฟูสภาพผิวที่ขาดน้ำ คือ การดื่มน้ำ แม้จะมีกูรูบางท่านออกตัวว่าลองกับตัวเองแล้วพบว่าการดื่มน้ำไม่ได้ทำให้ผิวชุ่มชื่นขึ้น แต่จากการวิจัยมีผลการทดสอบที่สามารถยืนยันได้ กับเด็กฝาแฝดคนที่ดื่มน้ำน้อยกับคนที่ดื่มน้ำเพียงพอ ผลปรากฏว่าคนที่ดื่มน้ำน้อยจะมีผิวแห้งกร้านกว่าคนที่ดื่มน้ำเพียงพอ เพราะฉะนั้นนี่คือกฎพื้นฐานของสาว ๆ ที่จะต้องจำไว้เพื่อดูแลตัวเอง    
  2. ใช้ครีมบำรุงผิวหรือมอยส์เจอไรเซอร์ที่มีคุณสมบัติในการเติมน้ำให้กับผิวชั้นใน ประเภท Hydrate ทั้งหลาย เพราะหากเลือกเติมน้ำเฉพาะผิวชั้นนอก จะทำให้ใบหน้าของเราดูมันวาวมากเกินไป สำหรับสาว ๆ ที่ผิวมันเพราะผิวขาดน้ำไม่ต้องกลัวว่าใช้แล้วหน้าจะยิ่งมันมากขึ้น เพราะเมื่อผิวของเราชุ่มชื่นแล้ว การผลิตน้ำมันส่วนเกินบนใบหน้าก็จะลดลง ทำให้ผิวหน้าของเราลดความมันลงได้     
  3. พักผ่อนให้เพียงพอ ลดการนอนในห้องแอร์ที่ทำให้ผิวสูญเสียน้ำและแห้งกร้านได้ง่าย ซึ่งการนอนไม่เพียงพอในแต่ละวันจะทำให้ผิวหน้าของเราดูแก่ก่อนวัย แลดูเหนื่อยล้าได้          จริง ๆ ก็ย้ำกันมาหลายหัวข้อแล้วนะคะ สำหรับเรื่องการดื่มน้ำ และการดูแลสภาพผิว บางคนก็พยายามที่จะสรรหาตัวช่วยต่าง ๆ มาบำรุงผิวแต่ยังใช้ชีวิตแบบขาดความระมัดระวัง อยากให้ลองใส่ใจพื้นฐานการดูแลตัวเองก่อนดีกว่านะคะ ดีกว่าที่จะทำให้เกิดปัญหาแล้วมาตามแก้ไขในภายหลัง ที่มา...แม่บ้าน

        เผยความลับของการอัพไซส์นมด้วยตัวเอง งานนี้แค่นิ้วมือ (จะของตัวเองหรือของหนุ่มที่ไหนก็ได้) โลชั่นลื่นๆ สักขวด และกระจกบานใหญ่ๆ สักใบก็เพียงพอที่จะเพิ่มขนาดนมของคุณได้แล้ว      
1. ปฏิบัติกิจหลังอาบน้ำเสร็จ ช่วงเวลาหฤหรรษ์ในการเพิ่มขนาดนมจะเกิดขึ้นหลังอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ นะคะ เพราะช่วงเวลาดังกล่าวเป็นเวลาที่ผิวและเนื้อของเราตื่นตัวพร้อมที่จะได้รับการกระตุ้น หลังอาบน้ำเสร็จเช็ดตัวหมาดๆ เดินไปยืนหน้ากระจกในสภาพล่อนจ้อน มองนมตัวเองแล้วพูดกับมันอย่างมุ่งมั่นว่า "ชั้นจะทำให้แกเติบโต" จากนั้นเทโลชั่นบำรุงผิวมาสักหนึ่งฝ่ามือ จะเป็นโลชั่นธรรมดาหรือโลชั่นเพิ่มขนาดนมที่เขาโฆษณากันก็ได้นะคะ อันนี้เจ๊ไม่เกี่ยง เพราะโลชั่นจะทำให้กระบวนการนวดลื่นไหลไม่ฝืดเคือง แต่ถ้าเป็นโลชั่นที่มีส่วนผสมของกวาวเครือด้วยก็จะซึมซับลงไปกระตุ้นฮอร์โมนเพศหญิงของคุณโดยตรง ก็จะเห็นผลได้ดีขึ้นนั่นเอง      
  2. ทาถูโลชั่นให้ทั่วฝ่ามือทั้งสองข้าง เริ่มต้นการนวดท่าแรกด้วยการเลือกนมข้างที่จะเพิ่มขนาดก่อน เจ๊แนะนำให้เลือกข้างที่เล็กกว่าก่อน (โดยปกติคนเราจะมีขนาดนมไม่เท่ากัน) สมมุติว่าเป็นข้างขวา ให้นำฝ่ามือข้างซ้ายไปวางบนนมของคุณ ถ้าไม่รู้ว่าตรงไหนคือนมก็ให้มองหาหัวนมเอาไว้ ต่อให้นมเล็กขนาดไหนมันก็ต้องมีหัวนม ฉะนั้นพยายามหาให้เจอ กะตำแหน่งเหนือหัวนมขึ้นไปประมาณห้าเซนติเมตร นั่นคือตำแหน่งที่คุณต้องเอามือซ้ายไปวาง วางมือซ้ายแบบคว่ำฝ่ามือลงไปแล้วนำมือขวามาช้อนประคอง "เต้านม" ของคุณไว้ ถึงขั้นตอนนี้สาวๆ หลายคนกุมขมับเพราะนมไม่มีเต้าให้ช้อน เจ๊แนะนำว่าก็พยายามกอบพยายามโกยเนื้อและชั้นไขมันเท่าที่มีขึ้นมานั่นแหล่ะ พอได้ตำแหน่งทั้งสองมือแล้วให้ออกแรงเล็กน้อยเพื่อนวดถูฝ่ามือทั้งสองข้างไปในทิศทางตรงข้ามกัน มือขวาถูไปทางซ้าย ส่วนมือซ้ายถูมาทางขวา ทำข้างละห้าครั้ง พอครบห้าครั้งสลับข้างโดยการเปลี่ยนมือที่ประคองและวางบนหัวนมให้สลับกัน      
 3. ท่าที่สอง สมมุติว่าจะนวดที่นมฝั่งขวา ให้เลื่อนฝ่ามือซ้ายลงมาในลักษณะกอบปิดหัวนมเอาไว้ ส่วนมือขวาประคองช้อนใต้เต้าเหมือนท่าแรก จากนั้นให้โน้มตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย แล้วเริ่มกระบวนการอาศัยแรงดึงดูดเข้าช่วย นั่นคือให้เขย่าตัวและเขย่าเต้าด้วยความรุนแรงพอประมาณ ไม่ต้องขย่มแรงเหมือนตอนคุณขึ้นไปออนท็อปบนตัวสามีของคุณ เอาแค่พอประมาณ กะความแรงสัก 0.4 ริคเตอร์ เขย่าไปเรื่อยๆ ข้างละหนึ่งนาที จากนั้นสลับข้าง สลับมือที่จับและประคองแล้วทำการเขย่าต่อ    
   4. เมื่อเสร็จพิธีกรรมเขย่าเรียกนมแล้ว ให้เพิ่มปริมาณโลชั่นในฝ่ามือเล็กน้อย แล้วกลับมาวางมือเหนือหัวนมและช้อนประคองเต้าเหมือนท่าแรก จากนั้นให้คุณใช้ฝ่ามือนวดคลึงเป็นวงกลมทวนเข็มนาฬิกาทั้งสองข้าง ข้างละห้าครั้ง ท่านี้บางคนบอกว่าให้สามีทำแล้วจะเพิ่มขนาดได้มากกว่า อันนี้ก็แล้วแต่ความสะดวก ถ้าสามีเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการก็เรียกเข้ามาหฤหรรษ์กันในห้องน้ำได้ไม่ว่ากัน เจ๊แนะนำให้คุณสามีเปลือยกายให้หมดเพื่อเพิ่มความรัญจวนใจแล้วเข้ามายืนแนบจากทางด้านหลัง ถ้าอารมณ์ของคุณกับสามีไม่พลุ่งพล่านกันไปก่อนก็น่าจะนวดกันจนครบข้างละห้าครั้ง ที่มา...WANT LIFE & HEALTH Magazine

      ไม่มีใครที่จะเพอร์เฟ็คไปซะทุกอย่าง ทุกคนต่างก็มีจุดเด่นจุดด้อยด้วยกันทั้งนั้น เมื่อมีจุดด้อยเราก็สามารถทำมันให้โดดเด่นได้ ถ้าเรารู้เคล็ดลับ จริงมั้ยคะเพราะผู้หญิงเกือบ 99% ไม่ได้มีรูปร่างเพอร์เฟ็คต์เหมือน "นางแบบ" บนแคทวอล์ก แต่ก็ใช่ว่าคนหุ่นไม่ดีจะใส่เสื้อผ้าไม่สวย เพราะทุกอย่างล้วนแล้วแต่แก้ไขได้โดยเฉพาะสาว ๆ ที่หุ่นเริ่มจะเผละ หรือหุ่นอวบอั๋นเนี่ย ควรจะต้องพิถีพิถันกับเรื่องแต่งตัวมากกว่าคนอื่นนิดนึง การมีหุ่นที่โอเวอร์ไซด์ ยังบั่นทอนความมั่นใจของสาว ๆ หลายคนอีกด้วย       มีเคล็ดลับดี ๆ ที่จะทำให้แต่งตัวได้อย่างมั่นใจ มาฝากกันค่ะ   
1. ก่อนอื่นต้องรู้รูปร่างก่อนตัวเองก่อนนะคะ ว่าเป็นแบบไหน       สาวหุ่นอวบอั๋นมี 2 ประเภท คือ หุ่นลูกแพร์ ช่วงบนเล็ก ช่วงล่างใหญ่ และ หุ่นแอปเปิ้ล คือ ช่วงบนหนา แต่มีขาเรียวเล็กนั่นเองค่ะ     2. ใส่ชุดชั้นในที่พอดีตัว       เคยเป็นไหมคะ ที่เวลาเราใส่ชุดชั้นในรัดจนเกินไป แล้วมันกลายเป็นเชือกมัดแหนม มันไปเน้นให้เห็นไขมันส่วนเกินที่คุณมี เพราะฉะนั้นคุณควรเลือกใส่ชุดชั้นในที่พอดีกับตัวค่ะ    
3. ควรเลือกใส่เสื้อชั้นในที่สามารถยกหน้าอกขึ้น       เลือกชั้นในที่ยกหน้าอกขึ้นสูงหน่อย เพราะมันจะทำให้คุณดูมีรูปมีร่างขึ้น หลีกเลี่ยงเสื้อชั้นในที่ใส่แล้ว ทำให้หน้าอกของคุณกองลงไปชิดกับพุง ซึ่งนั่นจะทำให้คุณดูไม่มีรูปร่างเลย ดูแล้วยิ่งจะเผละมากขึ้น    
4. สวมชุดรัดหน้าท้อง สำหรับสาว ๆ ที่มีพุง       ควรเก็บมันให้เป็นที่เป็นทาง เลือกรัดซะหน่อย จะทำให้พุงของคุณดูเล็กลงค่ะ  
  5. เลือกกางเกงที่เหมาะกับหุ่นคุณ
       - ถ้าอ้วนไม่ควรสวมกางเกงเอวรูด จะยิ่งดูอ้วนขึ้น        - อยากหุ่นเพรียวควรใส่กางเกงเข้ารูป ไม่ใช่ กางเกงหลวมโพร่ง        - ถ้าไม่มีก้น ควรเลือกกางเกงลาย ๆ และไม่รัดรูปนัก        - ต้องการพรางบั้นท้าย เลือกกางเกงที่มีกระเป๋า ด้านหลัง        - กางเกงตัวหลวมขาบานสีเข้ม จะช่วยไม่ให้เห็นขาชัดขึ้น        - กางเกงลายตามยาวสีเข้มๆ จะช่วยให้ดูขายาวและเล็กลงได้        - กางเกงที่มีเข็มขัด จะทำให้สะโพกดูกว้างขึ้น  
  6. เลือกใส่เสื้อที่เหมาะกับหุ่น
       สำหรับสาวหุ่นลูกแพร์ ไม่ควรสวมเสื้อตัวสั้น ควรใส่เสื้อตัวยาว ๆ หรือเสื้อที่คลุมด้วยคาร์ดิแกนเก๋ ๆ อีกชั้น เสื้อคอวีก็ดูไม่เลวนะคะ มันจะทำให้คอคุณดูยาวขึ้นด้วย        ส่วนสาวหุ่นแอปเปิ้ล เหมาะมากกับเสื้อตัวหลวมรัดเอว เพราะจะพรางหุ่นคุณให้ดูมีส่วนเว้าส่วนโค้ง ยิ่งหากใส่คู่กับยีนส์รัดรูป หรือเลกกิ้งสวย ๆ ซักตัว ยิ่งทำให้คุณดูผอมลงไปอีก   
7. เลือกใส่เครื่องประดับหรือผ้าพันคอ ผ้าคลุมไหล
      เพื่อดึงดูดสายตา เพียงคุณใช้ผ้าพันคอ ผ้าคลุมไหล่ แล้วทิ้งชายลงมา หรือใส่ต่างหูเก๋ ๆ ซักคู่ ก็จะทำให้คุณดูสูงขึ้น สวมเครื่องประดับสีสว่างและแวววาว เพื่อเบนจุดเด่นจากเรือนร่างขนาดโอเวอร์ไซส์ของคุณค่ะ    
8. เลือกใส่รองเท้าที่เหมาะกับหุ่นด้วย        อย่างหุ่นลูกแพร์ลองหาบูท หรือถ้าอากาศมันร้อน ใส่บูทแล้วดูเวอร์มาก ก็เปลี่ยนเป็นรองเท้ารัดส้นที่ส้นสูงหน่อยนึง        ส่วนหุ่นแอปเปิ้ล มีขาเรียวเล็กอยู่แล้วจะส้นสูง ส้นเตี้ย หรือยังไงก็ได้หมดเลยล่ะค่ะ   
  9. เลือกใส่เสื้อผ้าสีดำหรือสีเข้ม       เพราะมันจะทำให้คุณดูผอม  
10. เลือกกระเป๋าให้เหมาะกับรูปร่าง         กระเป๋าสะพาย ที่มีความยาวระดับเอว จะช่วยอำพรางรูปร่าง ให้คุณดูไม่ตันจนเกินไป จึงเหมาะกับสาวที่มีหน้าอกใหญ่ และไหล่กว้างเป็นที่สุด แต่ที่ห้ามเด็ดขาด!! ก็คือ กระเป๋าที่มีสายสะพายสั้น เพราะจะยิ่งเน้นให้ช่วงบนของคุณดูตันมากขึ้น        กระเป๋าขนาดใหญ่ เหมาะมากๆ สำหรับสาวโครงใหญ่และมีกระดูกใหญ่ เพราะกระเป๋าทรงนี้จะช่วยสร้างสมดุลระหว่างร่างกายและกระเป๋า ไม่ให้สิ่งใดเล็กหรือใหญ่จนเกินไป        กระเป๋าสายสั้น กระเป๋าเก๋ๆ แบบนี้เหมาะมากสำหรับสาวที่มีเอวหนา สะโพกใหญ่ และมีหน้าท้อง เพราะดีไซน์เก๋ๆ หรือลูกเล่นของกระเป๋าจะช่วยเบนความสนใจของผู้พบเห็น ให้ไม่ไปสนใจจุดบกพร่องบนร่างกายคุณค่ะ          รู้เคล็ดลับการสวมเสื้อผ้าอำพรางหุ่นไปแล้ว ต่อไปนี้ก็คงต้องเลือกใส่เสื้อผ้าที่เหมาะกับเรากันหน่อย รับรองว่า คราวนี้คงไม่มีอะไรมาบั่นทอนความมั่นใจอีกแล้วล่ะค่ะ ลองนำเคล็ดลับนี้ไปปฏิบัติตามกันดูนะคะ ที่มา...Crow Magazine

      เชื่อไหมล่ะ ว่าตอนนอนนั้นคุณก็สามารถดูแลบิวตี้ของใบหน้าคุณได้ด้วย มาดูเทคนิคดีๆ ที่คุณต้องปฏิบัติก่อนนอนกันค่ะ....       เรื่องนอนที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องกิจกรรมธรรมด๊าธรรมดาที่ชิวิตคนเราต้องทำอยู่ทุกวัน แต่คุณทราบหรือไม่คะ ว่าเรื่องธรรมดาเพลนๆ เกี่ยวกับการนอนนั้นก็แอบมีเรื่องมหัศจรรย์น่ารู้ที่ส่งผลต่อความงามของสาวๆ แอบแฝงอยู่ มาดูเลยมีอะไรบ้าง    
1. เวลา        สาวๆ หลายคนคงเคยสงสัยว่า จริงๆ แล้วคนเราต้องการเวลาพักผ่อนนอนหลับในตอนกลางคืนวันละกี่ชั่วโมงกันแน่ เพื่อที่จะให้ร่างกายได้รีแลกซ์อย่างเต็มที่ และตื่นขึ้นมาเพื่อพร้อมรับวันใหม่อย่างสดใสสดชื่น คำตอบก็คือวันละ 7-8 ชั่วโมงกำลังดีจ้ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่คุณทำผ่านมาทั้งวันด้วยนะ เพราะว่าถ้าคนไหนทำงานเสียเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน ก็ต้องการเวลานอนที่เพิ่มขึ้นอีกเป็นธรรมดาจ้า และสำหรับสาวๆ ที่นอนน้อยหรือนอนไม่เพียงพอเป็นประจำนั้น จะส่งผลให้คุณหน้าตาไม่แจ่มใสผุดผ่อง หมองคล้ำดูไม่เฮลตี้ และที่สำคัญนะวันใหม่ของคุณก็จะผ่านไปอย่างยอดแย่เลยแหละ เพราะว่าคุณจะเอาแต่ง่วงนอนตลอดเวลา แถมทำอะไรก็ไม่มีสมาธิอีกด้วย พาลทำให้คุณดูเสียบุคลิกภาพไปเลยจ้า     
2. นอน = ซ่อมแซมผิว        ช่วงเวลานอนคือช่วงเวลาที่ดีที่สุด ที่ร่างกายจะปล่อยสารเมลาโทนินออกมา ขอบอกนะจ๊ะ ว่าสารนี้จะถูกสร้างออกมามากในเวลากลางคืนที่เรานอนหลับนั่นเอง สาวแซบคงงงล่ะสิ ว่าเจ้าสารตัวนี้จะมาช่วยบำรุงผิวพรรณให้สวยเปล่งปลั่งได้ยังไง ก็เพราะว่าเจ้าสารตัวนี้จะมีส่วนช่วยอย่างเต็มที่ร้อยเปอร์เซ็นต์เลย ที่จะช่วยปกป้องเซลล์ผิวหนังจากสารอนุมูลอิสระต่างๆ อันเป็นสาเหตุให้เกิดริ้วรอยนั่นเอง และยังช่วยชะลออายุผิวพรรณของคุณให้ตึงกระชับ อ่อนเยาว์ ไม่เหี่ยวย่นเร็วด้วย และลองคิดกลับกันดูถ้าคุณนอนน้อย นอนไม่พอล่ะจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ต้องบอกเลยว่าจะดูแก่เร็วกว่าอายุปกติที่ควรจะเป็นแน่นอนค่ะ  
   เคล็ดลับก่อนนอน        เคล็ดลับก่อนนอนที่จะช่วยปรนนิบัติให้ผิวพรรณหน้าตาคุณดูสดใสสดชื่น ไม่เหนื่อยล้าอ่อนเพลีย หากพร้อมและอยากสวยแล้วก็รีบมาดูกันเลยดีกว่า อย่าได้เสียเวลา มาเล้ยยย     1. นวดกดจุด       จุดต่างๆบนใบหน้า เช่น คิ้ว ขมับ จมูก คาง มุมปากนั้น ล้วนเป็นจุดรวมเส้นประสาททั้งนั้นจ้ะ ดังนั้นเราเลยอยากให้คุณมาคลายเส้นประสาทก่อนจะไปนอนกัน เริ่มง่ายๆ ด้วยการใช้นิ้วนางของมือทั้งสองข้างกดและนวดวนเป็นวงกลมเล็กๆ ที่บริเวณระหว่างคิ้ว ขมับ ร่องจมูก คาง และมุมปากจ้า จากนั้นล้างด้วยน้ำอุ่นๆ แล้วซับหน้าด้วยผ้าขนหนูนุ่มๆ สาวแซบหลายคน คงมีคำถามใช่ไหม ว่าทำไมเราต้องใช้นิ้วนางเท่านั้นมานวดกดจุดบนใบหน้าด้วย ก็เพราะว่าน้ำหนักการกดที่ออกมาจากนิ้วนางของทั้งมือสองข้างนั้นจะมีไม่มาก ทำให้คุณสามารถนวดได้อย่างเบามือไม่เจ็บ แถมหน้าไม่ช้ำด้วยจ้า   
  2. ทาไนท์ครีมบำรุงหน้า       หลังจากที่ใบหน้าเราไปผจญกับสิ่งต่างๆ ข้างนอกทั้งฝุ่นละออง ควันเสีย แสงแดดต่างนานาแล้ว ทีนี้เวลากลางคืนนี่แหละค่ะ ที่จะเป็นเวลาฟื้นฟูสภาพผิวหน้า โดยให้คุณบำรุงผิวหน้าด้วยการทาไนท์ครีมก่อนนอนทุกคืนห้ามลืมเด็ดขาด เพราะเจ้าสารบำรุงในเนื้อไนท์ครีมนั้น จะเข้มข้นและอุดมคุณค่ามากกว่าเดย์ครีม ซึ่งจะช่วยปรนนิบัติและฟื้นฟูผิวได้อย่างดีเยี่ยมเลยล่ะค่ะ และยังช่วยให้ผิวหน้าคุณเก็บกักความชุ่มชื้น ตื่นเช้ามาใบหน้าเราจะเนียนนุ่มไร้ความแห้งตึงค่ะ    
3. นอนหงายดีที่สุด       สาวๆ เคยลองสังเกตไหม ว่าก่อนจะหลับท่านอนคุณอยู่ในท่าไหน หรือตื่นนอนมานอนอยู่ในท่าไหน ไม่เป็นไรนะ ถ้านึกไม่ออก แต่เราจะขอบอกคุณ ณ บัดนาว ว่าท่านอนที่ดีที่สุดสำหรับสาวๆ ทุกคนคือ ท่านอนหงายจ้า เพราะท่านอนแบบนี้ จะไม่ก่อให้เกิดรอยกดทับบนใบหน้า ว่าง่ายๆ คือนอนทับหน้าตัวเองนั่นแหละจ้ะ บริเวณที่จะยับง่ายสุดๆ คือ แก้มและคาง อาจทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยมาเยือนได้ แถมด้วยรอยตีนกาน่ากลัวๆ ก็มาประทับรอยได้ง่าย       ประโยชน์ของการนอนหงายยังไม่หมดแค่นี้นะ เพราะการนอนหงายจะช่วยให้คุณหายใจได้สะดวก เนื่องจากไม่มีอะไรมากดทับที่หน้าอกค่ะ กระดูกสันหลังก็วางตัวตามแนวธรรมชาติ ไร้ปัญหาเรื่องปวดหลัง แถมท้ายด้วยการนอนหงายนั้น ยังช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อหลัง ไหล่ คอได้ดีที่สุดอีกด้วย   
  4. ทำความสะอาดที่นอน ปลอกหมอนสม่ำเสมอ       ปลอกหมอน หมอนข้าง ที่นอนที่คุณใช้นอนเป็นประจำทุกค่ำคืนนั้น เคยเอาออกมาซักบ้างหรือเปล่า อย่างน้อยๆ คุณควรจะซักอาทิตย์ละหนึ่งครั้ง หากใครเดือนนึงซักทีหรือไม่เคยซักเลย ขอแนะนำให้เปลี่ยนพฤติกรรมทันทีนะจ๊ะ คุณรู้หรือไม่ว่าปลอกหมอน ผ้าห่ม หรือที่นอนที่ไม่เคยซักหรือเอามาตากแดดเลย จะเป็นแหล่งรวมเชื้อโรคชั้นดีที่หนึ่ง ทั้งเชื้อแบคทีเรีย ไรฝุ่น สารพัดเชื้อที่เรามองด้วยตาเปล่าไม่เห็น อันจะส่งผลให้เราหายใจไม่สะดวก และยังส่งผลโดยตรงต่อใบหน้าของเราด้วยจ้ะ เพราะว่าจะทำให้ใบหน้าอ่อนแอ แพ้ง่าย สกปรก เป็นสิวทั้งอุดตัน สิวหัวช้าง สิวอักเสบซึ่งเป็นศัตรูตัวร้ายที่ทำลายผิวหน้าเราเลยล่ะค่ะ   
  5. นั่งสมาธิ       ก่อนจะล้มตัวลงนอนลองหันมานั่งสมาธิ สงบจิตใจให้ผ่อนคลายสัก 10 นาทีดูสิคะ ถ้าใครไม่ไหวก็ลองนั่งสัก 5 นาทีก่อนก็ได้ พอนั่งทุกวันจนชินแล้วค่อยเพิ่มเวลามาเป็น 10 นาทีค่ะ โดยให้คุณนั่งบนเตียงนอนก็ได้ และก็ตั้งอุณหภูมิแอร์ในห้องให้สบายๆ ไม่หนาวหรือร้อนเกินไปนะ นั่งขัดสมาธิ เอามือขวาทับมือซ้ายแล้วก็หลับตาทำจิตใจให้สงบ หยุดคิดเรื่องวุ่นวายต่างๆ หายใจเข้าลึกๆ พร้อมทั้งหายใจออกช้าๆ เพื่อให้ร่างกายคุณสูดอ๊อกซิเจนเข้าไปในเลี้ยงทุกส่วนของร่างกายได้เยอะๆ ไงจ๊ะ ซึ่งจะส่งผลให้การทำงานของร่างกายคุณดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ และก็ส่งผลให้ผิวพรรณผุดผ่องสวยงามด้วยค่า     

  รับรองว่าเช้าวันใหม่ของคุณ จะเต็มเปี่ยมไปด้วยความสดชื่นแจ่มใส แถมหน้าตาผ่องใสไร้ความหมองคล้ำด้วยจ้า เทคนิคก่อนนอนง่ายๆ แค่นี้ก็ช่วยให้ใบหน้าคุณสวยได้แล้วค่ะ ที่มา ... Spicy
Read more: http://tomatoessource.blogspot.com/2013/05/numbered-page-navigation.html#ixzz2bMvm5uKk IT Blog Program Tools Tricks