อย่างแรก คือ โบทูลินั่ม ท็อกซิน (Botulinum toxin) เป็นการรักษาด้วยเทคนิคที่เรียกว่า Dermolift ซึ่งสามารถเสริมการรักษาควบคู่ไปกับการร้อยไหมละลายเพื่อยกกระชับแก้มขึ้นมาด้วย
วิธีที่สอง คือ การใช้เครื่องมือจำพวกคลื่นวิทยุ (Radiofrequency) ซึ่งตัวที่นิยมจะเป็นเครื่องเทอร์มาจ (Thermage)
วิธีที่สามคือ อัลเทอร่า(Ulthera) เป็นการใช้คลื่นเสียงความถี่สูง (Ultrasound) และอีกวิธีหนึ่งที่เริ่มนิยมทำมากขึ้น คือ แฟรคชั่นนอล อาร์เอฟ (Fractional RF) เป็นการนำเอาพลังคลื่นวิทยุ RF มาผสมผสานให้เป็นแบบ Fractional ซึ่งจะกระตุ้นคอลลาเจนในผิวชั้นลึกได้ดีโดยที่ไม่เกิดรอยดำหลังทำ หากคนไข้มีเนื้อแก้มเยอะและห้อยมาก ๆ แพทย์จำเป็นต้องดูก่อนว่าแก้มที่ใหญ่เกิดจากอะไรบ้าง ถ้าเป็นกระดูกกรามใหญ่ก็จะเป็นเรื่องของศัลยกรรม แต่ถ้าเป็นเพราะกล้ามเนื้อใหญ่หรือเป็นเพราะไขมัน แพทย์จะฉีดโบทูลินัมท็อกซินเพื่อลดกล้ามเนื้อกรามก่อน แล้วจึงค่อยฉีดสลายไขมัน (Lipodissolve) ทำให้รูปหน้าเรียวเป็น V shape มากขึ้น ซึ่งผลของการรักษาในแต่ละวิธีที่กล่าวไปนั้น จะคงอยู่ได้นานเพียงใดขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพและชนิดของหัตถการนั้น ซึ่งโดยเฉลี่ยจะอยู่นานประมาณ 6-12 เดือน และอาจต้องมาทำซ้ำอย่างสม่ำเสมอ พร้อมกับการดูแลตัวเองเพื่อป้องกันการทำลายคอลลาเจนในร่างกาย ที่มา..นิตยสาร APPEAL
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น