Peels ประเภทแรกคือ Glycolic Acid Peels หรือใช้กรดไกลโคลิกลอกผิว ซึ่งจะช่วยให้ตีนกาตื้น ๆ ดูบางลงได้แต่ก็น้อยมาก ประเภทต่อมาคือการใช้สารอย่างเช่น Salicylic Acid กับ Trichloroacetic Acid ซึ่งแทรกลงในผิวได้ลึกยิ่งขึ้น (และแน่นอนว่าทำงานได้ดีกว่าแบบแรก) แม้จะไม่ต้องถึงกับวางยาสลบ แต่ก็มีความเสี่ยง อย่างเช่น สีผิวเปลี่ยนถาวร และอาจเกิดแผลเป็นได้
Dermabrasion หรือการกรอผิว มักจะต้องวางยาสลบ ขึ้นอยู่กับความชำนาญของแพทย์เป็นอย่างมาก เพราะการขัดผิวอาจปรับสภาพผิวของคุณได้อย่างมหาศาล แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดแผลเป็นหรือทำให้สีผิวเสียหายถาวรก็ได้
Laser Resurfacing เทคโนโลยีในกลุ่มนี้มีหลายแบบตั้งแต่การใช้คาร์บอนไดออกไซด์ไปจนถึงเลเซอร์ ซึ่งอาจให้ผลเหมือนกับการขัดผิว แต่มีความแม่นยำสูงกว่า เลเซอร์จะถูกส่งลงบนผิวหนังหลาย ๆ ครั้งจนกระทั่งถึงผิวหนังชั้น Dermis โดยจะช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน แพทย์บางคนอาจใช้ยาชาไม่ว่าจะเป็นยาทาหรือยาฉีด อย่างไรก็ดี จำเป็นต้องทำซ้ำหลาย ๆ ครั้ง แล้วอาจจะต้องใช้เวลาหลังจากทำทรีตเมนต์หลายสัปดาห์ไปจนถึงหลายเดือนจึงจะเห็นผล
Fractional Resurfacing ทรีตเมนต์เหล่านี้ค่อนข้างเฉพาะเจาะจง ไม่ครอบคลุมถึงผิวหนังทั้งหมด แต่จะเจาะจงแค่บริเวณที่มีปัญหาเท่านั้น ต้องทำซ้ำหลาย ๆ ครั้งเช่นกัน แต่จะเห็นผลเร็วกว่า Laser Resurfacing Non-Ablative Laser Resurfacing เลเซอร์ตัวใหม่ที่ใช้เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวหนังโดยไม่ทำลายผิวหนังชั้นนอก มีการศึกษาชี้ว่าเลเซอร์เหล่านี้จะช่วยเลือนรอยตีนกาเล็ก ๆ ได้ดี แม้ว่าจะไม่ดีเท่า Laser Resurfacing ก็ตาม ความร้อนและคลื่นวิทยุ อีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับ Facial Rejuvenation ที่ไม่ต้องผ่านมีดหมอก็คือ การให้ความร้อนแก่เนื้อเยื่อโดยใช้เครื่องมือส่งความถี่วิทยุและอินฟราเรด แม้ว่าจะยังต้องมีการศึกษาต่อไปในทรีตเมนต์กลุ่มนี้ แต่งานวิจัยในปัจจุบันก็ชี้ว่าค่อนข้างปลอดภัย และได้ผลนาน เพียงแต่อาจจะไม่เห็นผลชัดเหมือนการยกกระชับใบหน้าเท่านั้นเอง ที่มา ...Lisa
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น